วันพฤหัสบดีที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

แหล่งการเรียนรู้สุดตระการตา..กับพิพิธภัณฑ์ "ไม้กลายเป็นหิน"


พิพิธภัณฑ์ไม้กลายเป็นหิน . . โคราชตระการตา

"เมืองหญิงกล้า  ผ้าไหมดี  หมี่โคราช  ปราสาทหิน  ดินด่านเกวียน"


คำขวัญของจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งบ่งบอกถึงจุดเด่นที่สำคัญของจังหวัดนครราชสีมา ที่มีทั้งแหล่งเรียนรู้และแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ โดยเฉพาะที่พิพิธภัณฑ์ไม้กลายเป็นหิน ก็เป็นแหล่งเรียนรู้อีกแห่งหนึ่ง ที่ให้ความรู้หลากหลายมากมาย

       “ภาคอีสาน” ถือเป็นดินแดนที่มีการขุดค้นพบซากสัตว์ในสมัยโบราณที่มีอายุนับร้อยล้านปีเป็นจำนวนมาก จนได้ขึ้นชื่อว่าเป็น “ถิ่นไดโนเสาร์” ไม่เพียงแต่ซากสัตว์เท่านั้น ที่นี่ยังมีการค้นพบซากพืชที่ฝังตัวอยู่ใต้ดินนับร้อยล้านปีอย่าง “ไม้กลายเป็นหิน” 

       ที่จังหวัดนครราชสีมา ก็เป็นจังหวัดหนึ่งที่พบไม้กลายเป็นหินอายุในพื้นที่เกือบ 20 อำเภอ และไม่เพียงแต่ไม้กลายเป็นหินเท่านั้น แต่ที่นี่ยังพบฟอสซิลของสัตว์ดึกดำบรรพ์และกระดูกไดโนเสาร์เป็นจำนวนมาก จนทำให้มีการก่อตั้ง “พิพิธภัณฑ์ไม้กลายเป็นหินและทรัพยากรธรณีภาคตะวันออกเฉียงเหนือ” ขึ้น


        พิพิธภัณฑ์ไม้กลายเป็นหินฯ ตั้งอยู่ที่บ้านโกรกเดือนห้า อ.เมือง จ.นครราชสีมา หรือเมืองโคราช ที่นี่เป็นพิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมเอาเรื่องราวของ “ไม้กลายเป็นหิน” ไว้ให้ศึกษาอย่างเต็มรูปแบบเป็นแห่งแรกของประเทศไทย และเป็น 1 ใน 7 ของโลกอีกด้วย

ไม้กลายเป็นหินอัญมณี  อายุประมาณ 800,000ปี
       โดยที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ ได้แบ่งการจัดแสดงออกเป็น 3 ส่วนด้วยกัน เริ่มต้นกันที่ส่วนแรกกับ >“พิพิธภัณฑ์ไม้กลายเป็นหิน” ในส่วนนี้ได้รวบรวมเอาไม้กลายเป็นหินมากกว่าร้อยชิ้น อายุประมาณ 8 แสน - 320 ล้านปี มาจัดแสดงไว้ ทั้งบริเวณรอบๆ อาคารพิพิธภัณฑ์ และภายในอาคารและจุดที่เป็นไฮไลต์ในส่วนนี้คือ “ไม้กลายเป็นหินอัญมณี” พบที่บ้านมาบเอื้อง อ.เมือง จ.นครราชสีมา อายุประมาณ 800,000 ปี ความยาวประมาณ 2 เมตร มีลักษณะเป็นหินเนื้อไม้ที่กลายเป็นผลึกคล้ายอัญมณีตลอดทั่วทั้งลำต้น

หุ่นจำลองและโครงกระดูกช้าง 4 งา ขนาดเท่าของจริง
ส่วนที่สองคือ "พิพิธภัณฑ์ช้างดึกดำบรรพ์" ซึ่งจัดแสดงฟอสซิลช้างที่พบในโคราชถึง 9 สกุล จาก 42 สกุล ทั่วโลก ซึ่งส่วนใหญ่มีอายุเก่าแก่กว่าช้างแมมมอธของไซบีเรียและอเมริกาเหนือ ที่นี่จะพบกับช้างสี่งา และช้างงาจอบ ช้างงาเสียม ที่มีอายุประมาณ 16 - 5 ล้านปี รวมถึงรู้จักกับบรรพบุรุษและวิวัฒนาการของช้าง และจุดเด่นของห้องนี้ก็คือ “หุ่นจำลองและโครงกระดูกของช้าง 4 งาขนาดเท่าของจริง” และงาช้างที่กลายเป็นหิน มีความยาวเกือบ 2 เมตร รวมไปถึงฟอสซิลของสัตว์ดึกดำบรรพ์อื่นๆ



พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์
 และส่วนสุดท้ายคือ “พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์” ที่จะได้เห็นไดโนเสาร์โคราช 6 สายพันธุ์ อายุประมาณ 100 ล้านปี เช่น อิกัวโนดอน สยามโมไทรันนัส ฯลฯ รวมทั้งชมวีดิทัศน์ที่สร้างด้วยเทคนิควิดีโอแอนิเมชัน ฉายรอบทิศทางบนผนังโค้ง 360 องศา อีกด้วย







*** หากใครที่อยากศึกษาถึงที่มาของ “ไม้กลายเป็นหิน” และฟอสซิลของสัตว์ดึกดำบรรพ์ ที่ “พิพิธภัณฑ์ไม้กลายเป็นหินและทรัพยากรธรณีภาคตะวันออกเฉียงเหนือ” ก็เปิดให้เข้าชมทุกวันอังคาร - อาทิตย์ เวลา 09.00 - 16.00 น. (อัตราค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 20 บาท/คน, นักศึกษา ปวส. - ปริญญาตรี 20 บาท/คน, นักเรียนประถม - ปวช. 10 บาท/คน, ชาวต่างชาติ 100 บาท/คน และผู้สูงอายุ (60 ปีขึ้นไป) ฟรี) โทร.0-4437-0739-40 ***


 สำหรับเกรซแล้ว.. "การที่เราได้ไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ไม้กลายเป็นหินนั้น ทำให้เราได้รับรู้ว่าดินแดนที่ราบสูงภาคอีสานมีหลักฐานทางโบราณคดีมากมายที่บ่งบอกว่า ดินแดนแห่งนี้มีอายุเก่าแก่นับร้อยล้านปี  มีหลักฐานสำคัญที่ช่วยให้เราได้ศึกษา ทั้งไม้กลายเป็นหิน ,ช้างดึกดำบรรพ์ และพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ ที่อยู่ในเขตนครราชสีมา ผู้เข้าชมจะได้ทั้งความรู้และความเพลิดเพลินจากสิ่งต่างๆที่จัดแสดงไว้ในพิพิธภัณฑ์ จึงอยากเชิญชวนท่านที่สนใจมาเข้าชมพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ โดยการเดินทางไปตามทางหมายเลข 304 (นครราชสีมา-ปักธงชัย) ระยะทาง 19กิโลเมตร เลี้ยวขวาตรงกิโลเมตรที่ 121 เข้าไปทางถนนมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสึรนารีประตู 2 ประมาณ 2 กิโลเมตร เลี้ยวซ้ายเข้าถนนสายเลี่ยงเมือง สายมิตรภาพ-หนองปลิง อีก 1 กิโลเมตร ก็จะถึงที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ไม้กลายเป็นหินนั้นเองค่ะ"

วันพุธที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2557

สื่อ เทคโนโลยี กับ การปลูกฝังค่านิยมดีๆ

                                                                ปลุกพลังบวก..จากการให้

                                                                                        การให้..ที่ไม่รู้จบ

                        ในโลกยุคไร้พรมแดนซึ่งเชื่อมโยงกันด้วยข้อมูลข่าวสารต่างๆ ที่มีความไวยิ่งกว่าจรวด อีกทั้งยังเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกัน คนในสังคมจึงจำเป็นต้องปรับตัวให้รู้เท่าทันเหตุการณ์ ข่าวสารต่างๆที่เป็นไปตามสภาพ
                        สังคมที่ทันสมัย ยุคดิจิตัล หรือที่เราเรียกกันว่ายุคโลกาภิวัฒน์ที่ใครๆกล่าวกันว่าทันสมัยนักหนา จนหลายคนอาจจะถูกกลืนไปในสังคมตามยุคสมัยทันด่วนเยี่ยงนี้ แต่จะมีสักกี่คนที่มองเห็นถึงความสวยงามของ"การให้"ของคนในสังคม ซึ่งไม่ใช่การให้ธรรมดา แต่เป็น"การให้ต่อไปไม่รู้จบ" เป็นมุมที่เกรซมองทีไร..ก็อดยิ้มไม่ได้ และในวันนี้เกรซเองก็ได้มีโอกาสนำเสนอตัวอย่างสื่อ เทคโนโลยีดีๆที่ให้ความรู้ พร้อมกับปลูกฝังค่านิยมดีๆของคนในสังคมดังคลิปที่จะเสนอให้ชมต่อไปนี้.. .


ขอบคุณคลิปจาก www.youtube.com

                         จากคลิปดังกล่าวนั้นเป็นคลิปที่เกรซเชื่อว่าหลายๆคนคงเคยเห็นกันผ่านตามจอแก้วมาแล้ว... . . ใช่ค่ะ คลิปดังกล่าวก็คือ โฆษณาจาก บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด นั่นเอง ซึ่งในคลิปดังกล่าวนั้น ได้นำเสนอเนื้อหาที่เกี่ยวกับการให้ ซึ่งเป็นการให้ ช่วยเหลือต่อกันเป็นทอดๆ ดังที่หลายๆท่านได้ชมไปนั่นเอง สำหรับเกรซแล้วสื่อดังกล่าวนี้เป็นตัวอย่างที่ช่วยปลูกฝังค่านิยมที่ดีเลยทีเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งแล้วกับยุคสมัยนี้ เมื่อคนหลายๆคนได้มาอยู่รวมกัน จึงเกิดเป็นสังคม เพราะฉะนั้นการที่เราจะทำให้คนในสังคมอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขนั้น คงหนีไม่พ้นการอยู่ด้วยกันอย่างเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ การมีน้ำใจ การให้ความรักที่บริสุทธิ์ต่อเพื่อนมนุษย์ร่วมโลก และสิ่งที่ยิ่งใหญ่ของการให้นั้น เราต้องขอยกให้กับพระเอกของเรา นั่นก็ คือ การให้ต่อไป..ไม่รู้จบ

วันศุกร์ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2556

ประโชน์ของการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร

ปัจจุบัน คงไม่มีใครสามารถปฏิเสธได้ว่า "เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ไม่มีบทบาทและความสำคัญในการดำเนินชีวิตประจำวันของคนในยุคสังคมโลกาภิวัฒน์นี้"

        ^^ และวันนี้ เกรซขอนำเสนอให้ทุกท่านให้เห็นถึงประโยชน์ดีๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "ประโยชน์ทางด้านการศึกษาของเทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสาร"

ขอบคุณภาพจาก fund.sdd.snru.ac.th


1.    การศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม

ทำให้ผู้ที่อยู่ห่างไกลหรือไม่สะดวกในการเดินทางสามารถได้รับการศึกษาเช่นเดียวกับผู้ที่อยู่ในเมือง










2. บทเรียนอิเล็กทรอนิกส์

ยังช่วยเสริมประสิทธิภาพการเรียนการสอนในวิชาต่างๆ เช่น ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ ภาษาต่างประเทศ ทำให้บทเรียนมีความน่าสนใจมากขึ้น และเกิดความเข้าใจได้ง่ายขึ้น เช่น การแสดงสถาณการณ์จำลอง แบบจำลอง ภาพเคลื่อนไหว แสงสีและเสียงประกอบ นักเรียนสามารถเตรียมตัวก่อนเรียน หรือทบทวนบทเรียนด้วยตนเองเมื่อใดก็ได้ที่มีเวลาว่าง


ขอบคุณภาพจาก www.thaisafenet.org

3. บทเรียนอิเล็กทรอนิกส์ เพิ่มโอกาสในการเรียนรู้ให้กับผู้พิการทางสายตาหรือหู และผู้ที่มีความต้องการพิเศษอื่นๆ







จึงกล่าวได้ว่า เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารมีบทบาทต่อการถ่ายทอดข้อมูลข่าวสารทางด้านการศึกษาได้เป็นอย่างดี ทั้งในและนอกสถานศึกษา หน่วยงานต่างๆ หรือแม้แต่ใช้เป็นบทเรียนออนไลน์ในการฝึกอบรมพนักงานเพื่อเพิ่มหรือข้อมูล ให้ความรู้เพิ่มเติม และนอกจากนี้อินเทอร์เน็ตยังเป็นแหล่งข้อมูลที่สำคัญที่ทั้งครูและนักเรียนหรือบุคคลทั่วไป ใช้สำหรับค้นหาข้อมูลเรื่องต่างๆ ในการทำรายงาน หรือเพื่อศึกษาหาความรู้ เว็บไซต์สำหรับค้นหาข้อมูลที่ใช้กันมากในปัจจุบัน เช่น google.com, ask.com, dogpile.com และ wikipedia.org เป็นต้น





วันศุกร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ภัย(ร้าย)แฝง..ที่คุณอาจคาดไม่ถึง

คนงานร้านข้าวมันไก่ เสียชีวิตภายในห้อง สภาพนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ เปิดเกมออนไลน์ทิ้งไว้ นายจ้างเผยชอบใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับการเล่นเกมคอมพิวเตอร์
              
                เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 22 พ.ย. 2555 พ.ต.ท.ชัยชนะ บุญรอด สารวัตรเวร สภ.บางคนที จ.สมุทรสงคราม ได้รับแจ้งจากนายวิโรจน์ จิตอุทัศ อายุ 64 ปีเจ้าของร้านวิโรจน์ข้าวมันไก่ เลขที่ 38 หมู่ 1 ต.บ้านปราโมทย์ อ.บางคนที จ.สมุทรสงครามว่า คนงานของร้านเสียชีวิตอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์  ในห้องพักไม่มีเลขที่ หมู่ 1 ต.บ้านปราโมทย์ ซึ่งอยู่จากบ้านตน  50 เมตร จึงพร้อมด้วยนายแพทย์สิทธิโชค จิตติวงศ์ แพทย์โรงพยาบาลนภาลัย  ไปตรวจสอบ พบผู้เสียชีวิตคือนายธวัชชัย พิมหนู อายุ 24 ปี ภูมิลำเนาอยู่บ้านเลขที่ 60 หมู่ 6 ต.สร้างทอง อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ เสียชีวิตอยู่บนเก้าอี้นั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่ยังเปิดเกมออนไลน์บนหน้าจอ เว็บไซต์ ทิ้งไว้ สภาพไม่ใส่เสื้อ คาดว่าเสื้อชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 5 ชั่วโมง
               นายวิโรจน์   กล่าวว่า  ที่ร้านตนขายข้าวมันไก่แล้วยังรับจัดโต๊ะจีนนอกสถานที่  ส่วนนายธวัชชัยผู้ตายเป็นคนงานออกโต๊ะจีนอยู่กับตนมากว่า 3 ปี ปกติเป็นคนเงียบขรึมลักษณะเก็บกดไม่ค่อยพูดจากับใครและหากวันใดไม่มีงานออกโต๊ะจีน นายธวัชชัยก็จะอยู่ในห้องพักคนเดียว ปิดประตูเล่นเกมออนไลน์เป็นประจำทั้งวัน ทั้งคืน ช่วงสายของวันที่ 21 พ.ย.
               ไม่มีงานโต๊ะจีนผู้ตายจึงเข้าห้องพักเล่นเกมตลอดทั้งวัน  ไม่มีการหยุดพักกินข้าวหรือดื่มน้ำ กระทั่งเช้าวันนี้( 22) ตนกำลังเตรียมของออกให้บริการโต๊ะจีน  จึงมาตามนายธวัชชัยเพื่อขอให้เตรียมตัวไปช่วยงาน  ก็พบว่านายธวัชชัยได้เสียชีวิตอยู่บนเก้าอี้หน้าจอคอมพิวเตอร์ไปแล้วจึงแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาตรวจสอบ
               เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่าผู้ตายเล่นเกมออนไลน์ที่เป็นการต่อสู้กันจนเกิดความเครียด และต้องการเอาชนะเป็นเวลานานติดต่อกันหลายชั่วโมง จึงอาจทำให้เกิดความผิดปกติทางด้านหัวใจและหลอดเลือด อีกทั้งเมื่อไม่มีอาหารเข้าไปหล่อเลี้ยงร่างกายจึงอาจเป็นสาเหตุทำให้ถึงแก่ชีวิตได้ อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ได้นำศพนายธวัชชัย ส่งสถาบันนิติเวชวิทยาโรงพยาบาลตำรวจ เพื่อหาสาเหตุการตายที่แท้จริงต่อไป
               นายสุวัฒน์ กิตติดิลกกุล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสมุทรสงคราม  กล่าวว่า ผู้ที่ชอบเล่นเกมออนไลน์ ไม่ควรเล่นเกิน 4 ชั่วโมงต่อวัน และควรเล่นเกมส์ในห้องที่มีแสงสว่างเพียงพอเพื่อหลีกเลี่ยงการที่สายตาจะอ่อนล้า และควรหยุดพักระหว่างการเล่นเกมส์เป็นช่วงๆเพื่อพักสายตา และหากรู้สึกว่าตัวเองเกิดอาการเหน็ดเหนื่อย วิงเวียนศีรษะ ตาลาย คลื่นใส้อาเจียนและไม่อาเจียนก็ตาม ควรหยุดเล่นเกมส์ทันทีหากยังฝืนเล่นต่อไปก็อาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้

ที่มาจาก..
อาชญากรรม : ข่าวทั่วไป ประจำวันพฤหัสบดีที่ 22 พฤศจิกายน 2555


วิเคราะห์บทความข่าว

               หลายๆคนอาจจะสงสัยว่าบทความข่าวข้างต้นนี้เกี่ยวกับอะไรกับการกระทำผิดพ.ร.บ.หรือ ขัดต่อคุณธรรม จริยธรรมของผู้ใช้เทคโนโลยี แต่สำหรับเกรซแล้ว เกรซกลับมองว่าเหตุการณ์ดังกล่าวนั้น สร้างความสะเทือนใจต่อผู้ที่ทราบเรื่องราว และส่งนผลกระทบต่อผู้ใช้ที่่เกี่ยวข้องโดยตรงเลยทีเดียว หากแต่เป็นเรื่องที่ใครหลายๆคนมองข้ามไป หรืออาจจะตั้งคำถามอยู่ในใจของตัวเองว่า "มันเป็นถึงขนาดนั้นเลยหรือ?" ไม่ก็ "มันเป็นไปได้หรือ?" และไม่ว่าจะเป็นอย่างไรก็ตาม คงไม่มีใครอยากเห็นภาพเหตุการณ์ที่คล้ายกับเรื่องนี้บังเกิดขึ้นมาอีก และไม่อยากให้สถานการณ์เช่นเดียวกันนี้หรือเกิดขึ้นกับญาติ พี่น้อง บุตรหลานของตัวท่านเอง
                เป็นไปได้หรือไม่ว่าการสร้างความตระหนักในเรื่องของมารยาทและจริยธรรมของผู้ใช้สื่อสารสนเทศ เทคโนโลยีนั้นจะมีส่วนช่วยในการป้องกัน และแก้ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นต่อไปในอนาคต รวมถึงการสร้างวัฒนธรรมที่ดีในสังคมจะสามารถช่วยแก้ปัญหาสังคมเหล่านี้ได้ในเบื้องต้น เว้นเสียแต่ถ้าหากเมื่อปัญหามีความรุนแรง จึงจำเป็นที่จะต้องใช้กฎหมายมาช่วยในการดูแล ควบคุมตามความเหมาะสม
                และนอกจากเหตุการณ์ลักษณะดังกล่าวนี้ ยังมีเหตุการณ์ที่สร้างความปวดเศียรเวียนเกล้าไปตามๆกันอีกนั่นก็คือ พฤติกรรมที่แปลกไปของบุตรหลาน ที่มีพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการตกเป็นเหยื่อภัยออนไลน์ ทั้งนี้ คำว่าภัยออนไลน์นั้นมีอยู่หลากหลายรูปแบบ หลากหลายวิธีการ ทั้งการฉ้อโกง หลอกลวง ภาพโป๊ ลามกอนาจาร การส่งต่อคลิปฉาว ข่าวลือ การข่มขู่คุกคาม รวมถึงเกมออนไลน์เช่นเหตุการณ์ข้างต้น ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของเยาวชนในยุคดิจิตัลนี้เป็นอย่างมาก  ทั้งๆที่โลกของเทคโนโลยีนั้นน่าจะเป็นเรื่องดีที่ช่วยทำให้คนเราสามารถเชื่อมโยงต่อถึงกันและกันได้ และเป็นประตูสู่โลกกว้างทางด้านการศึกษา บันเทิง ข่าวสารสารสนเทศ และเรื่องต่างๆ แต่อย่างที่ทราบกันดีว่า เมื่อมีคุณประโยชน์อนันต์..ก็ย่อมมีโทษมหันต์เช่นกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับตัวของบุคคลแล้วว่าจะบริหาร ควบคุมตนเอง และจัดการกับสิ่งต่างๆได้อย่างไรให้ปลอดภัยและเกิดประสิทธิภาพในทางที่ดีได้


             ***ผู้ปกครองจึงจำเป็นที่จะต้องเรียนรู้เทคโนโลยีไว้บ้าง รู้จักสังเกต สอดส่องพฤติกรรมของบุตรหลานตนเอง เพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อไซเบอร์ ***              

           พฤติกรรมที่มีลักษณะอาการซึมเศร้า โกรธ สับสน ภายหลังจากการใช้โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ หรือมีพฤติกรรมชอบปลีกตัวออกจากกลุ่มเพื่อน หรือกิจกรรมที่เคยชื่นชอบ คะแนนเรียนต่ำลง หรือมีพฤติกรรมเปลี่ยนไปจากเดิมอย่างเห็นได้ชัด หากพบเห็นเช่นนี้ จำเป็นต้องตระหนักถึงภาวะเสี่ยงต่อการตกเป็นเหยื่อไซเบอร์ ควรหาวิธีการเข้าไปพูดคุยอย่างเปิดใจและเข้าใจ หรือให้ความมั่นใจว่าเราจะไม่ปิดกั้น จำกัดสิทธิเสรีภาพในการใช้ชีวิตของเขา เช่น การห้ามใช้มือถือ เล่นเน็ต เป็นต้น เพราะนั่นเท่ากับเป็นการกระตุ้นให้เขายิ่งถลำลึกเข้าไปอีก
             นอกจากนี้ สถานศึกษา ครู และบุคลากรที่เกี่ยวข้อง ควรช่วยการเป็นหุเป็นตาให้อีกแรง รวมถึงการให้ข้อมูล ความรู้ ความเข้าใจ เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีให้แก่เด็ก และยังมีส่วนช่วยให้การป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะเดียวกันกับเด็กๆกลุ่มอื่นๆด้วย 



ขอบคุณค่ะ
#ไอติมละลาย



วันพฤหัสบดีที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

Sharing Me ^0^

สวัสดีค่ะชาวบล็อกที่น่ารักทุกคน 

ขอต้อนรับเข้าสู่ Share-D-Me-Sook บล็อก ^0^

(แชร์ดี..มีสุข)



 
"บล็อกที่ทุกคนสามารถร่วมแบ่งปันประสบการณ์แห่งความสุข และติดตามเรื่องราวต่างๆที่น่าสนใจ  (ที่จะทำให้เกิดไอเดียการใช้ชีวิตให้มีความสุข หรือทำให้คุณนั่งอมยิ้มไปได้ทั้งวัน)"
^O^